21 กรกฎาคม 2552

มหาวิหารโนเทรอดามแห่งชาร์ตร์ (Chartres Cathedral)

มหาวิหารโนเทรอดามแห่งชาร์ตร์ (Chartres Cathedral) ภาพจาก Wikipedia
ที่มาของภาพ : Wikipedia
  1. เป็นมหาวิหารที่สร้างในช่วงปีค.ศ. 1200 เนื่องจากเมืองชาร์ตร์และโบสถเดิมถูกไฟไหม้วาดวาย

  2. เดิมโบสถ์เป็นสถานที่ที่มีนักแสวงบุญแวะเวียนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่เก็บรักษาของผ้าที่อ้างว่าพระแม่มาเรียใช้ในวันประสูติของพระเยซูคริตส์ ซึ่งได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ในราวปีค.ศ. 800

  3. เนื่องจากโบสถ์ถูกไฟไหม้ และคาดว่าผ้าของพระแม่มาเรียก็ถูกไฟไหม้ไปแล้วเช่นกัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมืองอย่างมาก เนื่องจากนักแสวงบุญไม่มาสักการะอีก จึงทำให้เมืองขาดรายได้ (ผมคิดว่าแนวคิดของนักแสวงบุญ คงเหมือนนักท่องเที่ยวแบบหนึ่ง ซึ่งบางทีเราควรหันมามองการสนับสนุนของชุมชนเพื่อรักษาสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวประจำถิ่นของตนเองเอาไว้)

  4. บิชอปผู้ดูแลวางแผนสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มอำนาจของศาสนจักร และได้ความช่วยเหลือจากสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับไม่ได้รับการบันทึกชื่อเป็นผู้วาดแบบ

  5. คาดว่าต้องใช้เงินจำนวน 1000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบันเพื่อสร้างจึงมีแผนการระดมทุนมากมาย เช่น มีการประกาศว่ามีปาฏิหารย์ที่ผ้าของพระแม่มาเรียรอดจากไฟไหม้ จึงได้รับเงินบริจาคจำนวนมากจากเมืองและคนที่มีศรัทธาจากทุกสารทิศ

  6. มหาวิหารสร้างจากรูปทรงพื้นฐานตามแนวคิดแบบ Gothic คือ วงกลม , สี่เหลี่ยม , และสามเหลี่ยมหน้าจั่ว

  7. แบบเดิมเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าธรรมดาแต่บิชอบต้องการให้อาคารเป็นรูปไม้กางเขนขนาดใหญ่ที่สามารถเห็นได้จากบนสวรรค์ (ผมไม่ทราบว่ามหาวิหารอื่นเป็นแบบนี้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่เหมือนแล้วผมคิดว่ามันเป็นแนวความคิดที่น่าจะแปลกและสร้างสรรค์มากในการสร้างอาคารเป็นไม้กางเขนขนาดใหญ่ในปีค.ศ. 1200)
  8. ภาพจาก : http://www.flickr.com/photos/77615443@N00/63515225/
    ภาพจาก : http://www.greatbuildings.com/buildings/Chartres_Cathedral.html
  9. การสร้างต้องใช้หินปูนจำนวนมาก ซึ่งการสร้างมหาวิหารในสมัยก่อนใช้วิธีนำล่องมาทางแม่น้ำ แต่ติดปัญหาที่แม่น้ำของเมืองค่อนข้างเล็กจึงทำเช่นปรกติมิได้ จึงมีการเสาะหาแหล่งหินราคาถูกใกล้เมือง ซึ่งเป็นโชคดีที่ได้พบแหล่งหินห่างออกไปจากเมืองไม่มากนัก มิเช่นนั้นคาดว่าคงมิได้สร้าง เนื่องจากการขนหินจากระยะทางไกลจะใช้งบประมาณสูงมาก

  10. แรงงานในการตัดและขนหินในการก่อสร้างส่วนใหญ่เกิดจากกำลังของชาวเมืองที่มีแรงศรัทธา ไม่ว่าเศรษฐีหรือยาจก ใช้รถลากขนกันอย่างต่อเนื่อง

  11. การสร้างใช้ช่างฝีมือราว 500 คน จึงคาดว่ามีการจัดแบ่งเป็น "สหภาพแรง" ขึ้นครั้งแรกของโลก

  12. การสร้างประสบปัญหาเรื่องการเงินหลายครั้งซึ่งมีทำให้เกิดการเก็บภาษีจากคนในเมือง ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมาก ต่อชาวเมืองและราชนิกูลผู้ครองแผ่นดินบริเวณนั้น

  13. ภายหลังบิชอปต้องออกไปสงครามศักดิ์สิทธิ์ ราชนิกูลจึงฉวยโอกาสปลุกระดมชาวเมืองให้ทำลายการสร้างโบสถ แต่โชคดีที่โบสถไม่เสียหายมาก บิชอบจึงฟ้องกษัตริย์ของฝรั่งเศส ทำให้ราชนิกูลและชาวเมืองต้องชดใช้ค่าเสียหายคิดเป็นเงินประมาณ 20 ล้านดอลลาร์เทียบค่าเงินปัจจุบัน

  14. การสร้างมีการใช้นวัฒกรรมใหม่ๆ หลายอย่าง เช่น การใช้สถาปัตยกรรมแบบ โค้งยอดแหลม (คิดว่าน่าจะหมายถึง Gothic arches) แทนที่โค้งยอดมนซึ่งทำให้จำเป็นสร้างกำแพงกว้างๆ คล้ายโคโลเซียม แต่การสร้างแบบโค้งยอดแหลมจะช่วยให้กระจายน้ำหนักลงบนเสาแคบๆ ได้ดีกว่าจึงทำให้อาคารโปร่งและแสงเข้ามาในอาคารได้มาก

  15. มีการใช้การดัดแปลง trebuchet เพื่อใช้ในการขนหินและโครงไม้ขึ้นไปบนที่สูงราว 36 เมตรซึ่งในอดีตทำไม่ได้

  16. มีการเพิ่มการค้ำยันแบบปีกออกไปในแนวเสาด้านนอกเพื่อค้ำยันให้แรงที่กระจายออกไม่ทำให้อาคารฉีกเป็นชิ้นๆ ผลคือทำให้อาคารโปร่งมาก และมีส่วนของกระจกสีเพื่อให้แสงผ่านได้เยอะมาก
  17. ภาพการค้ำยันแบบปีกจาก : http://www.americansinfrance.net/Attractions/Chartres-Cathedral-Flying-Buttress.cfm
  18. มีการคิดค้นกระจกสีแบบใหม่ ปัจจุบันให้ชื่อว่าสีน้ำเงินแบบชาร์ตร์ เนื่องจากหลังจากช่างทำกระจกสีทำกระจกสีให้มหาวิหารนี้แล้ว ก็นำเคล็ดลับวิธีการผสมสีแบบนี้ลงหลุมไปด้วย ดังนั้นจึงมีกระจกสีน้ำเงินแบบนี้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

  19. บิชอปเสียชีวิตหลังจากสร้างได้ 25 ปี จึงทำให้งานล่าช้าไปจนเลยไปถึงอีก 60 ปีจึงจะแล้วเสร็จ แม้ว่าโครงสร้างส่วนใหญ่จะเสร็จแล้วก็ตาม

  20. การเปิดมหาวิหารยิ่งใหญ่มาก แม้ว่าจะอยู่ในเมืองเล็กๆ มีกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสเสด็จมาเปิด ซึ่งชาวเมืองภาคภูมิใจอย่างมาก เนื่องจากลงทั้งเงิน และแรงงานสร้างอย่างต่อเนื่องจนเป็นมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

  21. สุดท้ายเรื่องการเดินเข้าจะต้องเดินไปตามรูปภาพบนพื้นซึ่งเป็นเขาวงกต แทนที่เขาวงกตแห่งชีวิต เมื่อถึงจุดศูนย์กลางให้เงยหน้าขึ้นเพื่อมองความยิ่งใหญ่ของโบสถ (ผมคิดว่าแนวคิดนี้แปลกดีนะครับ เพราะมันเป็นเหมือนพิธีกรรมที่ให้คิดถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ของคนแต่ละคน ผมคิดว่าตอนคุณเดินวนไปรอบๆ คุณคงได้คิดถึงสิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่ทำอยู่ และสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป รวมไปถึงคุณค่าและความหมายของการกระทำนั้นๆ)
ภาพทางวงกตที่พื้นมหาวิหารจาก : http://www.crystalinks.com/labyrinths.html
ที่มาของข้อมูล : Thai PBS รายการท่องโลกกว้าง เวลา 18:00-19:00 น. ของวันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2552

หมายเหตุ : คำในวงเล็บ คือ ความเห็นของผมมิใช่ข้อมูลจากรายการ หากไม่เหมาะสมประการใดจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. จำได้เปิด TPBS มาไม่ทันดู

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆมากเลยฮะ^ ^

    ตอบลบ