30 พฤศจิกายน 2553

きしめん - Nursery Rhyme



きしめん - Nursery Rhyme
Credit : sutered99



ヒナギク de きしめん
Credit : lightningkira



ラブプラスで きしめん【MAD】
Credit : ihsan026star

19 พฤศจิกายน 2553

ความสุขที่ถูกมองข้าม (พระไพศาล วิสาโล)

คุณ เป็นคนหนึ่งหรือไม่ที่เชื่อว่า ยิ่งมีเงินทองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ความเชื่อดังกล่าวดูเผิน ๆ ก็น่าจะถูกต้องโดยไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยน่าจะมีคนป่วยด้วยโรคจิตน้อยลง มิใช่เพิ่มมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่รายได้ของคนไทยสูงขึ้นทุกปี ในทำนองเดียวกันผู้จัดการก็น่าจะมีความสุขมากกว่าพนักงานระดับล ่าง ๆ เนื่องจากมีเงินเดือนมากกว่า แต่ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป

ไม่นานมานี้มหาเศรษฐีคนหนึ่งของไทยได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เขาพูดถึงตัวเองว่า "ชีวิต(ของผม)เริ่มหมดค่าทางธุรกิจ" ลึกลงไปกว่านั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความหมาย เขาเคยพูดว่า "ผมจะมีความหมายอะไร ก็เป็นแค่....มหาเศรษฐีหมื่นล้านคนหนึ่ง" เมื่อ เงินหมื่นล้านไม่ทำให้มีความสุข เขาจึงอยู่เฉยไม่ได้ ในที่สุดวิ่งเต้นจนได้เป็นรัฐมนตรี ขณะที่เศรษฐีหมื่นล้านคนอื่น ๆ ยังคงมุ่งหน้าหาเงินต่อไป ด้วยความหวังว่าถ้าเป็นเศรษฐีแสนล้านจะมีความสุขมากกว่านี้ คำถามก็คือ เขาจะมีความสุขเพิ่มขึ้นจริงหรือ ?

คำ ถามข้างต้นคงมีประโยชน์ไม่มากนักสำหรับคนทั่วไป เพราะชาตินี้คงไม่มีวาสนาแม้แต่จะเป็นเศรษฐีร้อยล้านด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก็คงตอบคำถามที่อยู่ในใจของคนจำนวนไม่น้อยได้บ้างว ่า ทำไมอัครมหาเศรษฐีทั้งหลาย รวมทั้งบิล เกตส์ จึงไม่หยุดหาเงินเสียที ทั้ง ๆ ที่มีสมบัติมหาศาล ขนาดนั่งกินนอนกินไป ๗ ชาติก็ยังไม่หมด

แต่ ถ้าเราอยากจะค้นพบคำตอบให้มากกว่านี้ ก็น่าจะย้อนถามตัวเองด้วยว่า ทำไมถึงไม่หยุดซื้อแผ่นซีดีเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับหมื่นแผ่น ทำไมถึงไม่หยุดซื้อเสื้อผ้าเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วเกือบพันตัว ทำไมถึงไม่หยุดซื้อรองเท้าเสียทีทั้ง ๆ ที่มีอยู่แล้วนับร้อยคู่
แผ่น ซีดีที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนฟังทั้งชาติก็ยังไม่หมด ในทำนองเดียวกัน เสื้อผ้า หรือรองเท้า ที่มีอยู่มากมายนั้น บางคนก็เอามาใส่ไม่ครบทุกตัวหรือทุกคู่ด้วยซ้ำ มีหลายตัวหลายคู่ที่ซื้อมาโดยไม่ได้ใช้เลย แต่ทำไมเราถึงยังอยากจะได้อีกไม่หยุดหย่อน


ใช่ หรือไม่ว่า สิ่งที่เรามีอยู่แล้วในมือนั้นไม่ทำให้เรามีความสุขได้มากกว่าส ิ่งที่ได้มาใหม่ มีเสื้อผ้าอยู่แล้วนับร้อยก็ไม่ทำให้จิตใจเบ่งบานได้เท่ากับเสื ้อ ๑ ตัวที่ได้มาใหม่ มีซีดีอยู่แล้วนับพันก็ไม่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้เท่ากับซีดี ๑ แผ่นที่ได้มาใหม่ ในทำนองเดียวกันมีเงินนับร้อยล้านในธนาคารก็ไม่ทำให้รู้สึกปลาบ ปลื้มใจเท่ากับเมื่อได้มาใหม่อีก ๑ ล้าน

พูด อีกอย่างก็คือ คนเรานั้นมักมีความสุขจากการได้ มากกว่าความสุขจากการ มี มีเท่าไรก็ยังอยากจะได้มาใหม่ เพราะเรามักคิดว่าของใหม่จะให้ความสุขแก่เราได้มากกว่าสิ่งที่ม ีอยู่เดิม

บ่อยครั้งของที่ได้มาใหม่นั้นก็เหมือนกับของเดิมไม่ผิดเพี้ยน แต่เพียงเพราะว่ามันเป็นของใหม่ ก็ทำให้เราดีใจแล้วที่ได้มา
จะ ว่าไปนี่อาจเป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่กับสัตว์หลายชนิดไม่เฉพาะแ ต่มนุษย์เท่านั้น ถ้าโยนน่องไก่ให้หมา หมาก็จะวิ่งไปคาบ แต่ถ้าโยนน่องไก่ชิ้นใหม่ไปให้ มันจะรีบคายของเก่าและคาบชิ้นใหม่แทน ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองชิ้นก็มีขนาดเท่ากัน ไม่ว่าหมาตัวไหนก็ตาม ของเก่าที่มีอยู่ในปากไม่น่าสนใจเท่ากับของใหม่ที่ได้มา

ถ้า หากว่าของใหม่ให้ความสุขได้มากกว่าของเก่าจริง ๆ เรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดี แต่ปัญหาก็คือของใหม่นั้นไม่นานก็กลายเป็นของเก่า และความสุขที่ได้มานั้นในที่สุดก็จางหายไป ผลก็คือกลับมารู้สึก "เฉย ๆ" เหมือนเดิม และดังนั้นจึงต้องไล่ล่าหาของใหม่มาอีก เพื่อหวังจะให้มีความสุขมากกว่าเดิม แต่แล้วก็วกกลับมาสู่จุดเดิม เป็นเช่นนี้ไม่รู้จบ น่าคิดว่าชีวิตเช่นนี้จะมีความสุขจริงหรือ ?


เพราะ ไล่ล่าแต่ละครั้งก็ต้องเหนื่อย ไหนจะต้องขวนขวายหาเงินหาทอง ไหนจะต้องแข่งกับผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ครั้นได้มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ไม่ให้ใครมาแย่งไป แถมยังต้องเปลืองสมองหาเรื่องใช้มันเพื่อให้รู้สึกคุ้มค่า ยิ่งมีมากชิ้นก็ยิ่งต้องเสียเวลาในการเลือกว่าจะใช้อันไหนก่อน ทำนองเดียวกับคนที่มีเงินมาก ๆ ก็ต้องยุ่งยากกับการตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวลอนดอน นิวยอร์ค เวกัส โตเกียว มาเก๊า หรือซิดนีย์ดี

ถ้า เราเพียงแต่รู้จักแสวงหาความสุขจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว ชีวิตจะยุ่งยากน้อยลงและโปร่งเบามากขึ้น อันที่จริงความพอใจในสิ่งที่เรามีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่เป็นปัญหาก็เพราะเราชอบมองออกไปนอกตัว และเอาสิ่งใหม่มาเทียบกับของที่เรามีอยู่ หา ไม่ก็เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เมื่อเห็นเขามีของใหม่ ก็อยากมีบ้าง คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เราทุกข์ได้บ่อยครั้งเท่ากับการชอบเปรียบ เทียบตัวเองกับคนอื่น การเปรียบเทียบจึงเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์ที่ใคร ๆ ก็นิยมใช้กัน

นิสัย ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ทำให้เราไม่เคยมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีเสียที แม้จะมีหน้าตาดี ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย เพราะไปเปรียบเทียบตัวเองกับดาราหรือพรีเซนเตอร์ในหนังโฆษณา

การมองแบบนี้ทำให้ "ขาดทุน" สองสถาน คือ นอกจากจะไม่มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว ยังเป็นทุกข์เพราะไม่ได้สิ่งที่อยาก พูดอีกอย่างคือไม่มีความสุขกับปัจจุบัน แถมยังเป็นทุกข์เพราะอนาคตที่พึงปรารถนายังมาไม่ถึง ไม่มีอะไรที่เป็นอุทธาหรณ์สอนใจได้ดีเท่ากับนิทานอีสปเรื่องหมา คาบเนื้อ คงจำได้ว่า มีหมาตัวหนึ่งได้เนื้อชิ้นใหญ่มา ขณะที่กำลังเดินข้ามสะพาน มันมองลงมาที่ลำธาร เห็นเงาของหมาตัวหนึ่ง (ซึ่งก็คือตัวมันเอง) กำลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่ เนื้อชิ้นนั้นดูใหญ่กว่าชิ้นที่มันกำลังคาบเสียอีก ด้วยความโลภ (และหลง) มันจึงคายเนื้อที่คาบอยู่ เพื่อจะไปคาบชิ้นเนื้อที่เห็นในน้ำ ผลก็คือเมื่อเนื้อตกน้ำ ชิ้นเนื้อในน้ำก็หายไป มันจึงสูญทั้งเนื้อที่คาบอยู่และเนื้อที่เห็นในน้ำ

บ่อ เกิดแห่งความสุขมีอยู่กับเราทุกคนในขณะนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เรามองข้ามไปหรือไม่รู้จักใช้เท่านั้น เมื่อใดที่เรามีความทุกข์ แทนที่จะมองหาสิ่งนอกตัว ลองพิจารณาสิ่งที่เรามีอยู่และเป็นอยู่ ไม่ว่า มิตรภาพ ครอบครัว สุขภาพ ทรัพย์สิน รวมทั้งจิตใจของเรา ล้วนสามารถบันดาลความสุขให้แก่เราได้ทั้งนั้น ขอเพียงแต่เรารู้จักชื่นชม รู้จักมอง และจัดการอย่างถูกต้องเท่านั้น

แทน ที่จะแสวงหาแต่ความสุขจากการได้ ลองหันมาแสวงหาความสุขจากการ มี หรือจากสิ่งที่ มี ขั้นต่อไปคือการแสวงหาความสุขจากการ ให้ กล่าวคือยิ่งให้ความสุข ก็ยิ่งได้รับความสุข สุขเพราะเห็นน้ำตาของผู้อื่นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม และสุขเพราะภาคภูมิใจที่ได้ทำความดีและทำให้ชีวิตมีความหมาย จากจุดนั้นแหละก็ไม่ยากที่เราจะค้นพบความสุขจากการ ไม่มี นั่นคือสุขจากการปล่อยวาง ไม่ยึดถือในสิ่งที่มี และเพราะเหตุนั้น แม้ไม่มีหรือสูญเสียไป ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้
เกิดมาทั้งที น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความสุขจากการ ให้ และ การ ไม่มี เพราะนั่นคือสุขที่สงบเย็นและยั่งยืนอย่างแท้จริง


พระไพศาล วิสาโล

14 พฤศจิกายน 2553

ประวัติท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ฉบับการ์ตูน

ประวัติท่านศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ฉบับการ์ตูน
(ผลงานดีๆ ที่น่าเผยแพร่ ของนักศึกษา ชื่อ "ชนินทร์ เสือสูงเนิน")



Credit : zhangsilpakorn

อื่นๆ
1. ศิลป์สโมสร - 118 ปี ศิลป์ พีระศรี [1/2]
2. ศิลป์สโมสร - 118 ปี ศิลป์ พีระศรี [2/2]
3. รายการ Mango Café 22 กันยายน 2553 [1/2]
4. รายการ Mango Café 22 กันยายน 2553 [2/2]

12 พฤศจิกายน 2553

การแทรก jQuery ง่ายๆ เพื่อแก้ไข Links ภายใน Blogspot

เราจะใช้เมื่อไม่ต้องการให้ Links ภายใน Blogspot กดแล้วเรียก Webpage ใหม่มาแทนหน้าเดิมที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ต้องการให้เปิดหน้าใหม่ขึ้นมาแทน โดยแบ่งเป็นกรณีต่างๆ ดังนี้

กรณีต่างๆ Code ที่ใช้ คือ
กรณีที่ 1 - เมื่อต้องการให้ทุกๆ Links เปิดหน้าใหม่ทุกครั้ง<script src='http://code.jquery.com/jquery-1.4.3.min.js' type='text/javascript'/>

<script language='javascript'>
$(document).ready(function () {
$('a').attr({ 'target': '_blank' });
});
</script>
กรณีที่ 2 - เมื่อต้องการให้เฉพาะ Links ที่เปิด Website อื่นๆ ภายนอก เท่านั้นที่ Blogspot เปิดหน้าใหม่<script src='http://code.jquery.com/jquery-1.4.3.min.js' type='text/javascript'/>

<script language='javascript'>
$(document).ready(function () {
$('a').attr({ 'target': '_blank' });
$('a[href *= blogger.com] , a[href *= blogspot.com]').attr({ 'target': '_self' });
});
</script>


โดยเราจะทำการแทรก Code นี้ระหว่าง tag header (หมายถึงระหว่าง <head></head>) ดังนี้

Code เดิม<?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Strict//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-strict.dtd">
<html expr:dir='data:blog.languageDirection' xmlns='http://www.w3.org/1999/xhtml' xmlns:b='http://www.google.com/2005/gml/b' xmlns:data='http://www.google.com/2005/gml/data' xmlns:expr='http://www.google.com/2005/gml/expr'>
<head>
// แทรก Code ลงตรงนี้
<b:include data='blog' name='all-head-content'/>
<title><data:blog.pageTitle/></title>
Code เมื่อแทรก jQuery ลงไปแล้ว<?xml version="1.0" encoding="UTF-8" ?>
<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Strict//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-strict.dtd">
<html expr:dir='data:blog.languageDirection' xmlns='http://www.w3.org/1999/xhtml' xmlns:b='http://www.google.com/2005/gml/b' xmlns:data='http://www.google.com/2005/gml/data' xmlns:expr='http://www.google.com/2005/gml/expr'>
<head>
// แทรก Code ลงตรงนี้
<script src='http://code.jquery.com/jquery-1.4.3.min.js' type='text/javascript'/>

<script language='javascript'>
$(document).ready(function () {
$('a').attr({ 'target': '_blank' });

$('a[href *= blogger.com] , a[href *= blogspot.com]').attr({
'target': '_self'
});
});
</script>

<b:include data='blog' name='all-head-content'/>
<title><data:blog.pageTitle/></title>


ข้อเสนอแนะ

1. เท่านี้ Links ทั้งหมดใน Blogspot ของคุณก็จะทำงานโดยเปิดหน้า Webpage ใหม่แทน ตามที่คุณต้องการ แต่หากไม่ทำงานตามที่ระบุไว้ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการเรียก Javascript อื่นใน Page ที่อาจทำให้คำสั่งบางอย่างของ jQuery ทำงานผิดพลาดได้ แต่การแก้ไขอาจยุ่งยากขึ้นอีกเล็กน้อยครับ

2. ไม่สามารถทำงานได้ใน Blog ที่ไม่มีการให้เข้าไปแก้ Html หรือ Blog การทำงานบางอย่างของ Javascript

Credit : www.jQuery.com

06 พฤศจิกายน 2553

เทคนิคการกำหนด Class ใน HTML ด้วย CSS

ปรกติเราคงคุ้นเคยกับการกำหนด Class ใดๆ เพียง 1 Class ให้กับ Tag ต่างๆ ที่ต้องการ เช่น

<td class="setRight"> หรือ <tr class="highlight"> หรือ <div class="'special'">

แต่จริงๆ แล้วเราสามารถจะกำหนด Class ใดๆ มากกว่า 1 Class ให้กับ Tag ที่ต้องการได้โดยตรง เช่น

<table class="'setRight highlight special"> หรือ <span class="'special setRight">

โดย ใช้เพียงการเว้นวรรคระหว่างชื่อ Class ก็จะสามารถกำหนดได้อย่างง่ายดาย จึงช่วยให้ลดความยุ่งยากในการเขียน CSS และเพิ่มความรวดเร็วในการเขียน HTML ได้มากขึ้น

18 ตุลาคม 2553

AS3 : Stop(); และ Event.ENTERFRAME

สำหรับ Function อย่าง Stop(); หรือ gotoAndStop(เฟรมเป้าหมาย); นั้น

ไม่ใช่ว่าเมื่อเรา Stop ไว้ที่ Frame ที่กำหนดแล้ว Flash ไม่ทำการเล่นต่อ แต่เป็นการเล่นซ้ำๆ ใน Frame ที่เราทำการ Stop ไ้ว้นั้น
ดังนั้นถ้าเรามีการทำ AddEventListener(Event.ENTERFRAME, ฟังก์ชั่นที่กำหนดให้เล่นทุกเฟรม); แล้ว หากเราต้องการให้ทุกอย่างหยุดลงจริงๆ
จึงจำเป็นที่จะต้องทำการ RemoveEventListener(Event.ENTERFRAME, ฟังก์ชั่นที่กำหนดให้เล่นทุกเฟรม); นั้นด้วยจึงจะสมบูรณ์

ข้อที่ควรระวัง
Event อย่าง Event.ENTERFRAME นั้นจะทำงานทันทีที่เข้าสู่ Frame นั้นๆ ซึ่งรวมถึงทำงานก่อนการทำงาน ActionScript ที่เขียนไว้ใน Frame นั้นๆ ด้วย
ดังนั้นบางครั้งอาจเกิดการทำงานที่เกินกว่าที่ต้องการได้ หากจัดจังหวะการเล่น Frame ไม่ดี

17 ตุลาคม 2553

AS3 : การใช้ for in ในการเรียกข้อมูลจาก Array

แนวทางการเขียน

for(var s:String in myArray){

//todo…

}

ตัวอย่าง // การเพิ่มค่าใน Array แบบที่ 1
var arrayData:Array = new Array("Silver","Gold","Iron");

// การเพิ่มค่าใน Array แบบที่ 2
arrayData['a1'] = "XX_1";
arrayData['a2'] = "XX_2";

// การเพิ่มค่าใน Array แบบที่ 3
arrayData.a3 = "XX_3";
arrayData.a4 = "XX_4";

// การเพิ่มค่าใน Array แบบที่ 4
arrayData.push("XX_a!");
arrayData.push("XX_b!");

for(var sIndex:String in arrayData)
{ trace(sIndex + " = " + arrayData[sIndex]); }

การใช้งาน
1. ใช้สำหรับดึงข้อมูลใน Array ที่เราไม่ทราบโครงสร้างข้อมูลภายใน
2. เมื่อเราต้องการทราบชื่อ Index ที่ใช้กำกับ Data ใน Array ด้วย
3. เมื่อเราต้องการแสดงข้อมุลทั้งหมดใน Array ที่มี Index เป็น String

อ้างอิง
1. Flash AS3.0 Tip: For Loop แบบต่างๆ / for, for in, for each in

คำที่เกี่ยวข้อง : การวนลูปเรียกข้อมูล, การดึงข้อมูลจาก Array, การค้นหาข้อมูลใน Array

AS3 & XML : บทความน่าสนใจจากที่อื่นๆ [1]

Flash ActionScript 3.0
1. ActionScript 3 ตอน 1
2. การเก็บข้อมูลและเรียกข้อมูลในflash / SharedObject
3. การสร้าง Animaition แบบ Layer Mask
4. Classes :: ActionScript 3.0 Reference for the Adobe Flash Platform
5. How to make flash games – Flash game dev 101

XML
1. ฟันธงโหลดภาษาไทยใน XML ด้วย AS3 จาก ServerSide

FaceBook
1. Levelup.in.th
2. Developers.Facebook.com
3. Thinkdiff.net :: How to use dashboard api of facebook
4. Thinkdiff.net :: How to be a facebook ninja developer

16 ตุลาคม 2553

AS3 : การกำหนดค่าตัวแปร จากข้อมูลภายนอก

แนวทางการเขียน

var request:URLRequest = new URLRequest("http://www.yourserver.com/dataLayer.php");
request.method = URLRequestMethod.GET;

var loader:URLLoader = new URLLoader();
loader.dataFormat = URLLoaderDataFormat.VARIABLES;
loader.addEventListener(Event.COMPLETE, completeHandler);
loader.load(request);

function completeHandler(evt:Event) {

var username = evt.target.data.username;
var email = evt.target.data.email;

trace ('username is ' + username);

trace ('email is ' + email);

}

ข้อมูลภายใน
File "data01.txt"
gender=male&age=27&name=Master
ตัวอย่าง var myLoader:URLLoader = new URLLoader();
myLoader.dataFormat = URLLoaderDataFormat.VARIABLES;
myLoader.addEventListener(Event.COMPLETE, onDataLoad);
myLoader.load(new URLRequest("data01.txt"));

function onDataLoad(e:Event)
{
// การเรียกข้อมูลแบบที่ 1
var ageData:uint = myLoader.data['age'];

// การเรียกข้อมูลแบบที่ 2
var genderData:String = myLoader.data.gender;

trace("1. Age = " + ageData + " / Gender = " + genderData);

// การเรียกข้อมูลแบบที่ 3
var myData = myLoader.data;

trace("2. Age = " + myData['age'] +
" / Gender = " + myData.gender);
}

การใช้งาน
เมื่อเราจำเป็นต้องเรียกใช้ข้อมูลจาก PHP หรือ MySql ให้เข้ามาทำงานใน Flash โดย ActionScript 3 (AS3) โดยเราต้องการเรียกใช้ข้อมูลจำนวนไม่มากนัก และไม่ต้องการให้เกิดความยุ่งยากในการพัฒนาโปรแกรม

อ้างอิง
1. Using ActionScript 3.0 with PHP Part 1: Loading External Variables
2. Adobe.com : Working with external data
3. Loading Dynamic Data into Flash using AS3

คำที่เกี่ยวข้อง : การเรียกข้อมูลจากภายนอก, การทำงานกับข้อมูลภายนอก, การโหลดข้อมูลจาก PHP

AS3 : การเรียก Class ด้วย Class Name

แนวทางการเขียน

var ClassReference:Class = getDefinitionByName("ชื่อคลาส") as Class;
var s:String = (new ClassReference("ค่าเริ่มต้นของคลาส") as String);
trace(s);


ตัวอย่างvar ClassRef:Class = getDefinitionByName("mc001") as Class;
var mc:MovieClip = new ClassRef() as MovieClip;
ผลที่ได้จะเหมือนกับ

var mc:MovieClip = new mc001();


การใช้งาน
เราอาจจะเรียกใช้ในกรณีที่มีการเก็บ Class ของ MovieClip ไว้ใน Library จำนวนมาก และต้องการเรียกใช้เพื่อแสดงผลตามลำดับ ซึ่งอาจรวมไปถึงการรับค่าจากภายนอก เพื่อเรียกใช้ Class ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น PHP,MySql หรืออื่นๆ

อ้างอิง
1. ActionScript 3 : Get a Class Reference by Class Name
2. Adobe.com : getDefinitionByName
3. เราจะดึง movieclip ที่อยู่ใน Array ออกมาใช้ยังไงคะ

คำที่เกี่ยวข้อง : การเรียกคลาสด้วยชื่อคลาส / Get a Class Reference by Class Name, การเรียกคลาสเป้าหมาย / Calling Target Class, การเปลียน String เป็น Class / Change String to Class

12 สิงหาคม 2553

Image-Nation : 二ノ国 / NINOKUNI [11/08/2010]



Ni no Kuni The Another World​ the Black wizard DS gameplay trailer
Credit : PlayscopeTrailers



Ni no Kuni The Another World Queen of the White Sacred Ash - Trailer - PS3
Credit : PlayscopeTrailers



Ninokuni: The Another World (PS3) - Debut Trailer
Credit : StartSelectBR

29 กรกฎาคม 2553

Airport Link ไปสนามบินสุวรรณภูมิ

ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 53 เป็นต้นไป เปิดให้ประชาชนทดลองขึ้นฟรี จากสถานี พญาไท-สุวรรณภูมิ โดยไม่แวะตามสถานีรายทาง
เปิดให้ ทดลอง วันละ38 เที่ยว โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลาคือ
07.00-10.00 น. และ 16.00-19.00 น.
โดยจะออกวิ่งระยะห่าง 20 นาทีต่อขบวน ใช้เวลา 25 นาที ถึงสถานีปลายทาง
สามารถรับตั๋วได้ที่ สถานีพญาไท และสุวรรณภูมิ

ข้อมูลเพิ่มเติม
1. รถออกทั้ง 2 สถานีต้นทางและปลายทางตามเวลาที่ระบุ เช่น รถเที่ยวสุดท้ายตอนเช้าออก 10.00 น. ทั้งจากพญาไท และสุวรรณภูมิ
2. รถออกตรงเวลาดังนั้นหากใครไปช้า อาจตกรถไฟได้ จึงควรไปก่อนเวลา 3-5 นาที
3. ให้ทดลองใช้ถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2553 เฉพาะวันจันทร์ ถึงศุกร์ โดยยกเว้นวันหยุดราชการ

อ้างอิง
1. Airport Link เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยรถไฟฟ้า
2. ข้อมูล รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้ง

05 มิถุนายน 2553

คำคม...

* จงเรียนรู้จากความล้มเหลว แล้ว ลืมมันซะ ! (สารคดี บารักค์ โอบามา)
* แนวคิดเรื่องการเก็บเงินจากเกมฟรี คือ ให้มองเหมือนการเก็บค่าทางด่วน ที่สามารถวิ่งฟรีบนถนนได้ แต่สามารถวิ่งบนทางด่วนเพื่อความสะดวก หรือเพื่อประหยัดเวลา หรือเพื่อลดค่าน้ำมันที่จะเสียเวลารถติด ซึ่งอาจจะมากกว่าการเสียค่าทางด่วน ซึ่ง อาจมองว่าเสมือนซื้อบัตรเติมเงินทางด่วนและแบ่งใช้ได้เมื่อต้องการ และเมื่อไม่ต้องการก็สามารถเก็บไว้ใช้ภายหลังได้
* ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการบังเอิญ แต่เกิดจากการต่อสู้กับปัญหาอย่างไม่ย่อท้อ จนกว่าจะเอาชนะมันไปได้ (สารคดี โมกูล)
* เทคโนโลยีใหม่กว่า การพัฒนาที่ก้าวหน้า ความพยายามอย่างต่อเนื่อง การผสมผสานแนวคิดที่หลากหาย จะสร้างความแตกต่างในการต่อสู้ (สารคดี โมกูล)
* จงอย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่จงกลัวการอยู่กับที่
* อย่าอ้อนขอ อย่าอ้อนขอ แต่จงไขว่คว้ามา (ยูเรก้า 7)
* ความเจ็บปวดไม่อาจทนได้ แต่คุณต้องทนมันให้ได้ (แบทแมน)
* อยากให้ได้ทดลองใส่ ผ้าไหมแท้ ซึ่งใช้ทำกิโมโน รวมถึง เครื่องตกแต่งในการใส่กิโมโน อีกด้วย และความรู้สึกที่ได้รับจากการที่ ผ้าไหมแท้ ได้เสียดสีกัน ขณะใส่ชุดกิโมโนออกเดินไปรอบๆ เมือง (จากรายการ J-Biz เกี่ีียวกับธุรกิจการให้บริการเช่าชุดกิโมโน เป็นการอธิบายถึงความน่าสนใจของบริการที่นำเสนอจุดเด่นของบริการ ทำให้เกิดความน่าสนใจขึ้นในใจของลูกค้า เนื่องจากชุดกิโมโนนั้น มีจุดอ่อนที่จำเป็นต้องมีมืออาชีพช่วยใส่และใช้เวลาใส่นานถึง 40 นาที รวมถึงราคาแพงอีกด้วย แต่ก็สามารถชูจุดแข็งที่เป็นชุดประจำชาติของญี่ปุ่น ซึ่งนิยมใส่ในพิธีการสำคัญได้)
* "ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกันได้ ผมก็ทำผิดพลาดในสนามกอล์ฟหลายครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ คุณไม่ได้พยายามทำมัน มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้" (ไทเกอร์ วู้ดส์ - www.siamsport.co.th)

04 มิถุนายน 2553

[MAD] Giant Robo & Big Five



【MAD】我らがビッグ・ファイアのためなら死ねる
Credit : nami1326 — January 27, 2008 —


เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่นที่มีคนเอามาโพสไว้

ลองนำไปแปลด้วย Google Translate ดูนะครับ

きみのためなら死ねる

唄:不明
コーラス:スタッフ全員


( ゚∀゚)ラヴィ!!
ずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずん
( ´_ゝ`)ふん~んん~んんんんんん~ん~んん~んんん~

( ゚∀゚)ラヴィ!!
ずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずん
( ´_ゝ`)ふん~んん~んんんんんん~ん~んん~んんん~

( ゚∀゚)ラヴィ!!

お待たせようこそ皆さん 今から奇跡が始まる
金魚を吐いたり蝋燭消したり蝙蝠ふいたりペンキで塗ったり
お店のカートで激走
成層圏から地上へダイブ 怪我ひとつないぜ俺達
そうです皆さん覚えて 我らの名前は「ラブラヴィッツ」
蟻酸を浴びたりミサイル避けたり波間で揺れたりビルから落ちたり
高速道路で前転
大蛇の腹から緊急脱出 傷ひとつないぜ俺達
「命は危険だ 命キーケン」
みんなは真似しちゃ 駄.目.だ.ぜ!★
( ゚∀゚)ラヴィ!!

ずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずん
( ´_ゝ`)ふん~んん~んんんんんん~ん~んん~んんん~

( ゚∀゚)ラヴィ!!

まだまだ続くよ皆さん 「奇跡」は予測が付かない
サソリをついたり焚き火をほしたりダンスでフィーバー皆でフィーバー
他人のマイクで絶叫
暴れた牛が100匹来ても 優雅に歌うぜ俺達
正体不明で神出鬼沒 我らの名前は「ラブラヴィッツ」
生きてく希望を夢見る勇気を微笑む余裕を愛する心を
運ぶのこの世の皆に
大切な命大切にする 粗末にしないぜ俺達
「そうは言うけど やっぱり危険」
みんなは真似しちゃ 駄.目.だ.ぜ!★
( ゚∀゚)ラヴィ!!

ずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずん
( ´_ゝ`)ふん~んん~んんんんんん~ん~んん~んんん~

( ゚∀゚)ラヴィ!!

半裸で絕叫、海へGO!
全裸で恐縮、空へGO!
半信半疑で地を駆け!
全身全霊、マッハGOOOOOOOOOO!

フンフンフンフーフーフフーフフフーフフーフフフフフフフン
( ゚∀゚)ラヴィ!!

( ゚∀゚)皆の驚く顔が 笑顔に変わるときに~♪( ゚∀゚)
( ゚д゚) ( ゚д゚) ( ゚д゚) >>( ゚w゚) > >( ゚∀゚) ( ゚∀゚) ( ゚∀゚)
( ゚∀゚)我らの顔も輝ける 笑顔に変わるんだ~♪( ゚∀゚)


( ゚∀゚)ラヴィ!!

ずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずんずん
( ´_ゝ`)ふん~んん~んんんんんん~ん~んん~んんん~

( ゚∀゚)ラヴィ!!

รู้สึกเด็ก

เพลง : ไม่ทราบ
Chorus : All Staff


(∀゚゚) Ravi! !
Zunzunzun อย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว
('_`Oh) คนเซ่อ ... ผม ... ผม ... ผม ... ฉันจะ NNN - Hmm - Hmm

(∀゚゚) Ravi! !
Zunzunzun อย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว
('_`Oh) คนเซ่อ ... ผม ... ผม ... ผม ... ฉันจะ NNN - Hmm - Hmm

(∀゚゚) Ravi! !

ยินดีต้อนรับสู่เริ่มต้นของความมหัศจรรย์ของคุณตอนนี้เพื่อรอ
และภาพวาดสีเทียนและเป่า off bat หรืออาเจียนหรือปลาทอง
激走ซื้อร้านค้า
ให้เราดำน้ำในดินโดยไม่ได้รับบาดเจ็บจาก stratosphere เดียว
ใช่คุณจำชื่อของเรา"Raburavittsu เป็น"
คลื่นและแกว่งหรือตกจากอาคารและหลีกเลี่ยงการจรวดหรือกรดฟอร์มิ
ก่อนทางหลวงรีด
ให้เราหนีไม่ออกจากท้องของงูแผลหนึ่ง
"Ken เป็นชีวิตที่สำคัญชีวิตอันตราย.
ไม่ว่า guys ขวาเลียนแบบเสีย Eyes มัน Let! ★
(∀゚゚) Ravi! !

Zunzunzun อย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว
('_`Oh) คนเซ่อ ... ผม ... ผม ... ผม ... ฉันจะ NNN - Hmm - Hmm

(∀゚゚) Ravi! !

เรายัง"มหัศจรรย์ของคุณ"ไม่สามารถประมาณ
ไข้ในไข้เต้นรำทั้งหมดเกี่ยวกับแมงป่องและรั่วหรือไฟ
อื่น ๆ แผดร้องในไมโครโฟน
ให้เราร้องเพลงอย่างงดงามวัวต่อสู้มา 100 สัตว์
ปีศาจ Jinde ในชื่อของพระอาทิตย์ไม่ปรากฏหลักฐานของเรา"Raburavittsu"
Smile กล้าพอที่จะฝันของความรักความหวังไปในชีวิต
เพื่อดำเนินการทั้งหมดของโลก
ให้เราดูแลไม่ให้เสียชีวิตมีค่า
"พวกเขากล่าวว่าก็ยังอันตราย.
ไม่ว่า guys ขวาเลียนแบบเสีย Eyes มัน Let! ★
(∀゚゚) Ravi! !

Zunzunzun อย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว
('_`Oh) คนเซ่อ ... ผม ... ผม ... ผม ... ฉันจะ NNN - Hmm - Hmm

(∀゚゚) Ravi! !

绝叫ครึ่งเปล่าเพื่อไปทะเล!
m'กลัวในเปลือย, GO ฟ้า!
rush ที่ดินพิรุธใน!
สุดใจ GOOOOOOOOOO Mach!

Uh - huh Funfufufufufufufufufufufufufufufufun
(∀゚゚) Ravi! !

(∀゚゚) ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อแปลกใจของทุกคน ~ ♪ (∀゚゚)
(゚゚д) (д゚゚) (゚゚д)>> (w ゚゚)>> (゚゚∀) (∀゚゚) (∀゚゚)
(∀゚゚) เปลี่ยนหน้าของการยิ้มของเรา ~ ♪ (∀゚゚)


(∀゚゚) Ravi! !

Zunzunzun อย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็วอย่างรวดเร็ว
('_`Oh) คนเซ่อ ... ผม ... ผม ... ผม ... ฉันจะ NNN - Hmm - Hmm

(∀゚゚) Ravi! !

03 มิถุนายน 2553

31 พฤษภาคม 2553

Welcome to TOKYO Honey TOKYO



Welcome to TOKYO - Honey TOKYO [Trailer]
Credit : prukutkin — May 21, 2010 —



Welcome to TOKYO Honey TOKYO_1
Credit : MrNiconico2010 — April 11, 2010 —



Welcome to TOKYO Honey TOKYO_2
Credit : MrNiconico2010 — April 11, 2010 —

19 พฤษภาคม 2553

โลกแห่งการลงทุนใน The Loser’s Game / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤษภาคม 2553

ในอดีต Money Game อาจจะเคยเป็น Winner’s Game แต่เมื่อเริ่มมีข้อมูลมากขึ้น มีนักลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันมีสูงขึ้น ทำให้การลงทุนกลายเป็นเรื่องของมืออาชีพ มีการซื้อขายกันมากขึ้น และผู้ที่จะเอาชนะตลาดได้น่าจะเป็นผู้ที่สร้างความผิดพลาดน้อยที่สุด

นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตลาดหุ้นระยะนี้คงเป็นที่ทราบกันแล้ว ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นบ้านเรานั้นค่อนข้างที่จะไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยต่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมืองในประเทศที่ยังหาข้อสรุปที่แน่ชัดไม่ได้ รวมไปถึงปัจจัยภายนอกประเทศ ที่ทำให้นักลงทุนต่างเกิดความวิตกกังวลต่อปัญหาหนี้สินของกรีซและปัญหาใน เรื่องค่าเงินที่มีท่าทีว่าจะลุกลามมากขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้นักลงทุนมีการไถ่ถอนเงินลงทุนออกไปจากตลาดหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่ จะเกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะตามมาเมื่อมีขายหุ้นออกไปนั้นคือ ตลาดหุ้นมีความผันผวนกันถ้วนหน้า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงจะทำให้นักลงทุนเกิดคำถามขึ้นในใจว่า....ใน เมื่อตลาดหุ้นผันผวนอย่างนี้ แล้วจะลงทุนในอะไรดี? แล้วจะลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปได้หรือไม่....โดยเมื่อหลายวันก่อนได้มีโอกาส อ่านบทความ The Loser’s Game ที่เขียนขึ้นโดย Charles D. Ellis ซึ่ง บทความนี้เขียนขึ้นเมื่อปี 1975 บทความนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบทความสำคัญที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการ ก่อกำเนิดการลงทุนในกองทุนดัชนีหรือ Index Fund ในยุคสมัยนั้น โดยได้เมื่ออ่านแล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการลงทุน จึงขออนุญาตนำมาเล่าเพื่อแบ่งปันกันความรู้กันในวันนี้

โดยบทความดังกล่าวได้เปรียบเทียบการลงทุนกับการแข่งขันไว้อย่างน่า สนใจ จึงอยากยกตัวอย่างขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบให้นักลงทุนหรือผู้อ่านนั้นได้เห็น ภาพตาม อย่างเช่น ในการเล่นกีฬาเทนนิส เรามักจะพบว่าผู้ชนะในเกมเทนนิสระดับมืออาชีพมักจะเป็นผู้ที่ทำคะแนนจากลูก Winner ได้มากกว่าผู้แพ้ เรียกว่า ผลของการแข่งขันโดยส่วนใหญ่จะถูกกำหนดโดยผู้ชนะ แต่ถ้ามองในภาพว่าเราแข่งเทนนิสกับเพื่อน ๆ ลักษณะการแพ้ชนะอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นผู้ที่ทำผิดพลาดน้อยกว่ากลายเป็นผู้ชนะ สิ่งนี้เองกลายเป็นว่าผู้แพ้เป็นผู้กำหนดผลการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับกีฬามวยอาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีเช่นเดียวกันในการกำหนด กลยุทธ์ว่าควรจะเล่นใน Winner’s Game หรือ Loser’s Game โดยช่วงยกแรก ๆ อาจจะเดินหน้าลุยเพื่อหมายว่าจะน๊อคคู่ต่อสู้ให้ได้ แต่พอยกหลัง ๆ เมื่อเรารู้สึกว่าคะแนนยกที่ผ่าน ๆ มาของเรานำแล้วก็อาจจะเลือกชกโดยเซฟตัวเอง ไม่ต้องเดินหน้าลุยมากนัก ไม่ให้โดนต่อยจนต้องล้มลงไปนับ ก็น่าจะรักษาแต้มจนชนะคะแนนได้ จากตัวอย่างดังกล่าวจะเห็นว่าผู้เล่นอาจจะใช้ กลยุทธ์ของ Winner’s Game ในช่วงยกแรก ๆ และเลือกใช้กลยุทธ์สร้างความผิดพลาดให้น้อยแบบ Loser’s Game ในช่วงยกหลัง ๆ

ด้านกีฬาฟุตบอลก็เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่เราสามารถนำมาเปรียบเทียบ ได้เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าทีมใหญ่ที่แข่งในสนามเหย้าของตัวเองต้องมาเจอกับคู่แข่ง ที่เป็นทีมที่อ่อนกว่า ลักษณะเกมมักจะเป็นรูปแบบที่เน้นการบุกเพื่อทำประตูเป็นหลัก นั้นคือผลแพ้ชนะขึ้นอยู่กับว่าทีมบุกจะทำประตูได้หรือไม่

โดยรูปแบบดังกล่าวอาจจะกล่าวได้ว่าเกมฟุตบอลในกรณีข้างต้นนั้นเป็น Winner’s Game แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกของฟุตบอลนั้นไม่มีอะไรที่แน่นอน หลาย ๆ ครั้งเรากับพบว่าทีมที่โหมบุกหนักทั้งเกมกลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ โดยทั้งเกมนั้นอาจจะเกิดจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่ 1-2 ครั้ง และนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ในที่สุดเมื่อจบเกมส์การเเข่งขัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นหลาย ๆ ครั้งอาจจะวิเคราะห์ได้ว่าทีมที่อ่อนกว่านั้นมักจะเล่นฟุตบอลแบบเน้นเกมรับ โดยเน้นให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด แล้วอาจจะหาจังหวะสวนกลับ (Counter Attack) เพื่อพลิกเกม รูปแบบเกมดังกล่าวเป็นลักษณะของ Loser’s Game คือไม่พยายามทำอะไรที่เสี่ยงต่อการผิดพลาดอันนำไปสู่การพ่ายแพ้ได้

ในโลกของการลงทุน Charles D. Ellisนั้นเชื่อว่าใน อดีต Money Game อาจจะเคยเป็น Winner’s Game แต่เมื่อเริ่มมีข้อมูลมากขึ้น มีนักลงทุนเข้ามาในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันมีสูงขึ้น ทำให้การลงทุนกลายเป็นเรื่องของมืออาชีพ มีการซื้อขายกันมากขึ้น เหตุการณ์ส่งผลให้ต้นทุนในการบริหารจัดการสูงขึ้นจน Money Game ไม่ใช่ Winner’s Game อีกต่อไป และผู้ที่จะเอาชนะตลาดได้นั้นน่าจะเป็นผู้ที่สร้างความผิดพลาดน้อยที่สุดคิด ดังกล่าวนั้นเราเชื่อว่ามีประโยชน์แก่นักลงทุนอย่างมหาศาลถ้าเรารู้จักปรับ ใช้ โดยเราต้องประเมินด้วยตัวเองว่าเรากำลังแข่งในฐานะอะไร และเราควรจะใช้กลยุทธ์ไหนมาต่อสู้ อย่างเช่น ถ้าเรารู้สึกว่าเราเป็น ฝ่ายได้เปรียบโดยอาจจะมีข้อมูลที่ดีกว่าเราอาจจะเลือกกลยุทธ์ของ Winner’s Game แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเราอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ การเลือกกลยุทธ์ที่หลีกเลี่ยงความผิดพลาดน่าจะเป็นผลดีกว่า (Loser’s Game)

ในชีวิตของการลงทุนเชื่อว่าหลาย ๆ ครั้งนักลงทุนมักจะได้รับข้อมูลที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งอาจจะเกิดจากการความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลหรือข่าวสารที่ไม่ เหมือนกัน จนส่งผลถึงการตัดสินใจการลงทุน ดังนั้นหลาย ๆ ครั้งผมเชื่อว่า Money Game น่าจะถูกเปรียบได้กับ Loser’s Game เป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นการลงทุนโดยคำนึงถึงความผิดพลาดให้น้อยที่สุดน่าจะเป็นอีก หนึ่งกลยุทธ์ที่นักลงทุนน่าจะนำเอามาปรับใช้กัน ปัจจุบันนักลงทุนไม่จำเป็นต้องบริหารจัดการพอร์ตของตัวเองโดยเลือกซื้อขาย หุ้นที่ละตัวอีกต่อไป เมื่อเรามีสินค้าประเภท ETF ที่ซื้อขายหุ้นเป็นตะกร้า อย่างเช่น TDEX (ทีเด็กซ์) หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) โดยการลงทุนใน ETF ดังกล่าวนั้น เหมือนกับการสร้าง Ready made Portfolioซึ่งจะเคลื่อนไหวไปตามภาวะตลาด

การที่เราซื้อ TDEX (ทีเด็กซ์) หรือ TFTSE (ทีฟุตซี่) นั้น จะทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงในเรื่องของการเลือกหุ้นรายตัว(Single Stock Risk) และการบริหารความเสี่ยง (Management Risk) ลงไปได้ นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าจะเลือกหุ้นผิดตัว หรือซื้อขายหุ้นผิดพลาด การลดความผิดพลาดดังกล่าวนั้นจะช่วยให้นักลงทุนมีการบริหารจัดการที่มี ประสิทธิภาพมากขึ้น

การเลือกลงทุนในกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นเป็นการเลือกที่จะสร้างความ ผิดพลาดจากการเลือกหุ้นรายตัวให้น้อยที่สุด เปรียบได้กับ Loser’s Game ที่เน้นผลแพ้ชนะจากการสร้างข้อผิดพลาดให้น้อยเอาไว้ก่อน โดยการลงทุนใน ETF นั้นอาจจะไม่ได้หวือหวาเหมือนกับการลงทุนในหุ้นรายตัวที่จะมี Story ให้พูดคุยกันเกือบทุกวัน หลาย ๆ ครั้งได้กำไรกันต่อวัน 5-10% แต่ความเสี่ยงที่มากขึ้นตามมาจาก Single Stock Risk ก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังเช่นเดียวกัน

โดยการลงทุนใน TDEX หรือ TFTSE เป็นการลงทุนโดยอิงผลตอบแทนจากดัชนี ที่ส่วนใหญ่การเคลื่อนไหวของดัชนีต่อวันมักจะไม่มากนักโดยอาจจะเคลื่อน ไหวอยู่ในกรอบของ 1-3% เป็นหลัก แม้ว่าการลงทุนใน ETF อาจจะไม่ได้ดูหวือหวา แต่การลงทุนดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าผลตอบแทนของพอร์ต โฟลิโอของตัวเองจะเป็นไปในแนวทางเดียวกับดัชนีที่อ้างอิง และช่วยลดความเสียหายจากการเลือกหุ้นผิดตัว (Stock Selection error) ได้อีกด้วย

ดังนั้นกลยุทธ์การเลือกที่จะรักษาความผิดพลาดให้น้อยที่สุด แบบ Loser’s Game อาจจะไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนนักลงทุนประเภท Day Trader ที่เน้นซื้อขายหุ้นรายตัวอย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยก็เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและเน้นผลตอบแทนตามดัชนีตลาดฯ

เราจึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการรู้จักตัวเองก่อนเริ่มลงทุน นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเราควรจะประเมินว่าตลาดหุ้นที่เรากำลังลงไปแข่งขันนั้นเป็น Winner’s Game หรือ Loser’s Game เปรียบได้กับฟุตบอลที่หลาย ๆ ครั้งการเล่นเกมรับก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน เรายังจำทีมชาติกรีซในศึกยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพได้ดี เมื่อทีมเล็ก ๆ อย่างทีมชาติกรีซใช้กลยุทธ์เกมรับที่มีประสิทธิภาพสามารถคว้าแชมป์โดยโค่น เจ้าภาพอย่างโปรตุเกสไปได้ หรือแม้แต่การแข่งขันเทนนิสระดับมืออาชีพในปัจจุบันก็อาจจไม่ได้เป็น Winner’s Game เสมอไปเมื่อหลาย ๆ ครั้ง เราอาจจะเห็นผู้ชนะได้คะแนนจากลูก Winner น้อยกว่าผู้แพ้เสียอีก ในเรื่องการลงทุนก็เช่นกันนักลงทุน รายย่อยเองก็ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้เหมาะกับสิ่งที่เรากำลังจะลงไปแข่งเช่น กันเราเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ ถ้าเรารู้ว่าเรากำลังจะลงแข่งในสนาม Winner’s Game หรือ Loser’s Game...

ที่มา: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)วรรณ จำกัด

http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9530000068824

15 พฤษภาคม 2553

ปัจจัยสำคัญของการฝึกอบรม - แสงเงินแสงทอง / Bhunikar Wongbundit

ปัจจัยสำคัญของการฝึกอบรม
โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

พระไตรปิฎก อันเป็นบันทึกคำสอนของพระพุ
ทธเจ้า ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
"เวลาพระอาทิตย์จะขึ้น ย่อมมีแสงเงินแสงทองขึ้นมาก่อน
เป็นนิมิตหมายว่า เดี๋ยวก็จะมีพระอาทิตย์โผล่ขึ้นท้องฟ้าให้เห็น
ข้อนี้ฉันใด ก่อนที่อริยมรรคมีองค์ 8 จะเกิดขึ้นและพัฒนาจนสมบูรณ์นั้น
ก็ย่อมมี 2 อย่างเกิดขึ้นก่อนเป็นบุพนิมิต คือ
ปรโตโฆสะ และโยนิโสมนสิการ ฉันนั้น"

วันนี้ขอพูดถึงเฉพาะปัจจัยแรก คือ ปรโตโฆสะ

ปรโตโฆสะ แปลตามตัวอักษรว่า "เสียงจากคนอื่น"
เป็นศัพท์เทคนิคทางพระแท้ๆ เลย
แม้พระภิกษุสามเณรบางกลุ่มที่ไม่ ได้ศึกษาเล่าเรียนก็แปลไม่ออก
หรือแปลออกก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ปรโตโฆสะ หมายถึง "สิ่งแวดล้อม"
ครอบคลุมถึงสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ และสิ่งแวดล้อมทางบุคคลหรือสังคม

พูดให้ชัดก็คือ ทุกอย่างที่แวดล้อมเราเรียกว่า ปรโตโฆสะ

พระพุทธศาสนาสอนว่า สิ่งแวดล้อมภายนอกมีผลต่อการฝึกฝนอบรมมิใช่น้อย
คนเรานั้นมีแนวโน้มจะดีหรือชั่ว เพียงเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา
ถ้าเขาอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ เหมาะ ไม่เอื้อต่อการพัฒนาตนเป็นคนดี
เขาก็อาจจะกลายเป็นคนชั่วคนเลว ได้ ตรงข้ามถ้าเขาอยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่ดี
เขาก็จะเป็นคนดีที่สังคมปรารถ นาได้

คัมภีร์พุทธศาสนาได้ยกนิทานมา "สาธก"
เกี่ยวกับอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม เรื่องหนึ่ง (ความจริงหลายเรื่อง แต่นึกได้เรื่องเดียว)
มีความว่า มีลูกนกแขกเต้าสองตัว ลูกพ่อแม่เดียวกัน
วันหนึ่งเกิดพายุกล้า พัดพาเอาลูกนกทั้งสองไปคนละทิศละทาง
ลูกนกตัวหนึ่งถูกลมหอบไปตกลงที่ กองอาวุธของพวกโจร
พวกโจรจึงนำมันไปเลี้ยง ตั้งชื่อมันว่า "สัตติคุมพะ" (แปลแบบไทยๆ ก็ว่า "ไอ้หอก")

อีกตัวหนึ่งลมหอบไปตกลงท่ามกลาง พุ่มไม้ใกล้อาศรมของพวกฤๅษี
พวกฤๅษีจึงนำมันไปเลี้ยงไว้ ตั้งชื่อว่า "ปุปผกะ" (แปลว่า "ไอ้ดอกไม้")

พวกโจรนั้นวันๆ ก็พูดแต่คำหยาบคาย มีแต่เรื่องฆ่าเรื่องปล้น
ไอ้หอกมันก็เลียนเสียงพูดที่หยาบ คายของพวกโจร
ส่วนพวกฤๅษีพูดไพเราะ ไอ้ดอกไม้มันก็เลียนเสียงพูดที่สุภาพไพเราะตาม

วันหนึ่งพระเจ้ากรุงปัญจาละ เสด็จไปล่าเนื้อ ติดตามด้วยข้าราชบริพารจำนวนมาก
เกิดพลัดหลงกับเหล่าข้าราชบริ พาร เสด็จเข้าป่าลึกไปตามลำพัง
ทรงเหน็ดเหนื่อย จึงพักผ่อนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง พลันได้ยินเสียงมาแต่ไกลว่า
"ฆ่ามันเลย ปล้นมันเลย" ทรงตกพระทัย เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร
แหงนพระพักตร์ขึ้นไปยังเบื้องบ น
จึงทอดพระเนตรเห็นนกน้อยตัวหนึ่ง พูดภาษาคนแจ้วๆ ล้วนแต่คำหยาบคายทั้งนั้น

เสด็จไปได้สักระยะหนึ่งก็ลุถึง อาศรมของพวกฤาษี ขณะนั้นพวกฤๅษีไม่อยู่
มีแต่นกน้อยตัวหนึ่ง ร้องต้อนรับว่า
"ท่านผู้เจริญ พักผ่อนก่อน ท่านผู้เจริญดื่มน้ำก่อน"
ทรงนึกชมว่า นกน้อยตัวนี้พูดไพเราะจัง ไม่เหมือนตัวที่ผ่านมา

เมื่อพวกฤๅษีกลับมายังอาศรม พระเจ้ากรุงปัญจาละ จึงเล่าเรื่องนกสองตัวให้ฟั
พวกฤๅษีกล่าวว่า ความจริงนกสองตัวนี้ เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน
แต่บังเอิญว่าเติบโตในสิ่งแวดล้อม ที่แตกต่างกัน นิสัยใจคอจึงแตกต่างกันดังที่เห็น

นิทานเรื่องนี้ต้องการชี้ว่า อย่าว่าแต่คนเลย แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉาน
เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมแตกต่าง กัน ก็ย่อมจะแตกต่างกันไปด้วย

เราคงเคยสังเกตเห็นว่า สัตว์ที่เกิดในเมืองหนาว มักจะมีขนยาวหนา
ต่างจากสัตว์เมืองร้อน ด้านกายภาพ มันก็ยังปรับตัวให้เข้ากับสภาพของดินฟ้าอากาศ
เรื่องนิสัยใจคอ มันก็ย่อมต่างกันไปตามธรรมชาติและสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกัน

พูดถึงเรื่องนี้นึกถึงหลวงพ่อปัญญา นันทะขึ้นมาได้
สมัยก่อนยังไม่เคยมีพระภิกษุไทย ไปต่างประเทศ
หลวงพ่อปัญญานันทะดูเหมือนจะเป็ นพระไทยรูปแรกที่ได้รับนิมนต์ ไปต่างประเทศ
ถัดจากหลวงพ่อปัญญานันทะมา จึงมีพระเป็นจำนวนมากได้ไปเมืองนอกเมืองนา
ถึงวันนี้มีพระไทยไปสร้างวัดสร้าง วากัน โดยเฉพาะที่อเมริกาเป็นสิบเป็น ร้อยวัดแล้ว

เหตุเกิดที่ยุโรป ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ
หลวงพ่อปัญญานันทะ ใส่ถุงเท้าและข้างในก็ใส่เสื้อขนสัตว์ แล้วห่มจีวรทับ
เพื่อป้องกันหนาวตามคำแนะนำของ ญาติโยมที่อยู่ที่นั่น
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น อาจจะปอดบวมตายได้
แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งจากเมือง ไทยไปพบท่านหลวงพ่อปัญญานันทะ
จึงเรียนถามว่า "ท่านไม่รักษาวินัยหรือ"

"เจริญพร เป็นพระต้องรักษาวินัยอยู่แล้ว" หลวงพ่อตอบ

"ทำไมท่านนุ่งห่มอย่างนี้ ไม่ผิดวินัยหรือ" โยมคนนั้นซักอีก

"เจริญพร อาตมาเป็นคนนะ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน" หลวงพ่อตอบ
แล้วต่อว่า
"สัตว์เดรัจฉานเช่นแพะแกะ อยู่เมืองหนาว ยังมีขนยาวหนา
เพื่อป้องกันหนาว คนมีปัญญากว่าสัตว์เดรัจฉานนะโยม"

เรื่องนี้ให้ "สัจธรรม" อย่างหนึ่ง คือสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อคนมาก
คนเมืองร้อนไปเมืองหนาว ยังต้องรู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับดินฟ้าอากาศเมืองหนา
นี้แค่ความเป็นอยู่ในชีวิตประ จำวันนะครับ
สภาพของดินฟ้าอากาศยังมีอิทธิพล ต่อคนเพียงนี้ ต่อเรื่องอื่นล่ะจะมีอิทธิพลมากแค่ไหน

ยิ่งถ้าเป็นสิ่งแวดล้อมทางบุคคล ด้วยแล้ว อิทธิพลย่อมมากกว่าสิ่งแวดล้อม ทางวัตถุหลายร้อยเท่านัก
ขอให้นึกถึง จอมโจรองคุลิมาล นึกถึงพระเจ้าอชาตศัตรู ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา แล้วจะเห็นชัด

องคุลิมาล เดิมชื่อ อหิงสกะ (แปลว่า ผู้ไม่เบียดเบียน)
เป็นบุตรปุโรหิตของพระเจ้าปเสน ทิโกศล เมืองสาวัตถี ได้รับการศึกษาอบรมจากพ่อแม่อย่างดี
โตมาได้เป็นศิษย์ศึกษาศิลปวิทยา อยู่กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แห่งเมืองตักศิลา
อันเป็นมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อ มากในยุคนั้น

อหิงสกะ เป็นเด็กขยันหมั่นเพียร ตั้งอกตั้งใจเรียน เป็นเด็กมีความประพฤติดีและเรียน เก่ง
จึงเป็นที่โปรดปรานของอาจารย์มาก แต่เพราะความดีความเก่งของอหิงส กะนั้นเอง
ที่ทำให้ชีวิตเธอผันแปรจากแนวทาง ที่ควรจะเป็น

เด็กนักศึกษาคนอื่นๆ อิจฉาอหิงสกะ จึงหาทางยุยงให้อาจารย์เข้าใจอหิงสกะผิด
แรกๆ ไม่เชื่อ แต่หลายคนพูดเข้า บ่อยเข้า อาจารย์ก็เชื่อว่าอหิงสกะนั้นคิด "ล้างครู"
เป็นศิษย์อกตัญญู (ทั้งๆ ที่ไม่มีวี่แววอะไรเลย) จึงวางแผนกำจัด

สั่งให้อหิงสกะไปฆ่าคนเอานิ้วมา ให้ครบพันนิ้วแล้วจะประสิทธิ์ ประสาทวิชาชั้นยอดให้
อหิงสกะเชื่อมั่นในอาจารย์ ด้วยความอยากได้วิชาชั้นยอด
จึงไปฆ่าคนเอานิ้วมือได้หลายนิ้ว ก็ร้อยเป็นพวงมาลัยคล้องคอไว้
จึงกลายเป็นโจร "องคุลิมาล" ในที่สุด

วิถีชีวิตขององคุลิมาลคงดิ่งลง ต่ำไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้พระพุทธองค์เสด็จมาโปรด
จนกระทั่งเลิกละความชั่ว บวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์

แง่คิดจากเรื่องนี้ก็คือ อหิงสกะได้สิ่งแวดล้อมทางบุคคลไม่ดี
คืออาจารย์ทิศาปาโมกข์ไม่ได้เป็น "กัลยาณมิตร" (มิตรแท้)
ของอหิงสกะ ตรงข้ามกลับทำตัวเป็น "บาปมิตร" (มิตรชั่ว) ไป จึงชักนำให้เห็นผิดเป็นชอบ

พระเจ้าอชาตศัตรูเช่นเดียวกัน ถ้าไม่พบพระเทวทัต
วิถีชีวิตก็คงไม่หักเหจากแนวทาง ที่ควรเป็นดังที่ทราบกันแล้ว
แต่บังเอิญช่วงนั้นพระเทวทัตคิด จะปกครองสังฆมณฑลแทนพระพุทธเจ้า
ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำตามที่ตน ปรารถนา จึง "อกหัก"
คิดว่า ถ้าได้เจ้าชายอชาตศัตรูสนับสนุน แผนการก็จะสำเร็จง่ายขึ้น

จึงไปพูดเกลี้ยกล่อมอชาตศัตรู ต่างๆ นานา จนกระทั่งเจ้าชายทรงเลื่อมใส ยกให้เป็นอาจารย์
พอได้จังหวะเหมาะ จึงยุให้เจ้าชายปลงพระชนม์พระราชบิดายึดเอาราชสมบัติ
(ทั้งๆ ที่อยู่เฉยๆ อีกไม่นานก็จะได้เป็นของพระองค์อยู่แล้ว เนื่องจากพระองค์เป็นรัชทายาท)
แต่ด้วยลิ้นเล่ห์ของเทวทัต เจ้าชายก็หลงเชื่อ จนถึงกับทำ "ปิตุฆาต"
ทำอนันตริยกรรม (กรรมหนัก) ยากจะแก้ไขให้คงคืน

แม้ว่าในตอนหลัง จะเข้าไปสารภาพผิดต่อพระพุทธองค์ ได้ฟังธรรมแล้วก็ตาม
ก็ไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไร พระพุทธองค์ตรัสภายหลังว่า
"ถ้าอชาตศัตรูไม่ได้ทำปิตุฆาต หลังจากฟังธรรมแล้วจะบรรลุเป็นพ ระอริยบุคคลทันที
แต่เนื่องจากทำกรรมหนักถลำพลาด เกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว จึงไม่ได้บรรลุอะไร"

ทั้งนี้ทั้งนั้น เพราะอชาตศัตรูได้สิ่งแวดล้อมทางบุคคลที่ไม่ดี
ได้พระเก๊ พระเทียม พระที่ไม่ประพฤติตนอยู่ในธรรมวินัยเป็นอาจารย์
จึงถูกยุยงให้เห็นผิดเป็นชอ

พระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นนักเน้นหนา ว่า ในการฝึกฝนอบรมตนนั้น
สิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยแรกที่สำคัญ ที่สุดที่ต้องคำนึงก่อน
ต้องจัดให้เหมาะสมให้เอื้ออำนวย แก่การฝึกฝนอบรม

- จะให้อยู่ที่ไหน ที่อยู่นั้นเหมาะสมหรือไม่ (นี้คือสิ่งแวดล้อมทางวัตถุ)

- จะให้อยู่กับใคร ใครเป็นผู้ให้การฝึกฝนอบรม (นี้คือสิ่งแวดล้อมทางบุคคล)

เมื่อได้สิ่งแวดล้อมดี เหมาะสม เอื้อต่อการฝึกฝนอบรมแล้ว
คนคนนั้นก็จะเดินไปสู่ความสำเร็จ ในสิ่งที่มุ่งมั่นปรารถนา

นี้แหละที่พระท่านว่า ได้สิ่งแวดล้อมดีแล้ว อริยมรรคมีองค์แปดก็จะเกิดขึ้นและพัฒนาจนสมบูรณ์

http://www.facebook.com/notes/bhunikar-wongbundit/paccay-sakhay-khxng-kar-fuk-xbrm-saeng-ngein-saengthxng/398984896543

08 พฤษภาคม 2553

Openning ดีๆ ที่น่าประทับใจ Bakemonogatari & Toradora & [MAD] K-ON



ガンダム002ndのOPでけいおん!
Credit : discaid2



[HD] Bakemonogatari OP #4 blu-ray ver. nadeko snake
Credit : akibastarjp



とらドラ! Toradora! OP アプコン HD Upconvert
Credit : tenorineko



【手描き】けいおん!でCLANNAD OPパロ
Credit : John868



sm8654745 - 機動戦士k-onガンダム・偽OP.mp4
Credit : ryunejr

งานวิจัยชี้ถึงอ่านแผนที่ไม่เก่ง ผู้หญิงถึงที่หมายไวกว่าผู้ชาย

เดลิเมล์ – แม้ถูกกล่าวหามาตลอดว่าเป็นเนวิเกเตอร์ที่แย่มาก เพราะอ่านแผนที่สู้ผู้ชายไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงไปถึงจุดหมายเร็วกว่าและหลงทางน้อยกว่าผู้ชาย เพราะช่างสังเกตจึงจำทางได้แม่นกว่า

งานวิจัยชิ้นใหม่ศึกษาจากกลุ่มชาย-หญิงจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเม็กซิโก ที่ถูกส่งไปเก็บเห็ดโดยพกอุปกรณ์ระบุพิกัดตำแหน่งด้วยดาวเทียมและอุปกรณ์ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจไปด้วย

แม้ผู้หญิงและผู้ชายกลับมาโดยเก็บเห็ดได้พอๆ กัน แต่ผู้หญิงใช้พลังงานน้อยกว่าเพราะรู้ว่ากำลังมุ่งหน้าไปไหน

แต่ผู้ชายปีนป่ายมากกว่า เดินทางไกลกว่า และใช้พลังงานมากกว่าผู้หญิง 70%

มีแนวโน้มว่าผู้หญิงจำเส้นทางได้ดีกว่าจากการใช้จุดสังเกตสำคัญและเส้นทางที่สามารถย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปยังแหล่งที่มีเห็ดชุมที่สุด

“การค้นพบเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงทำได้ดีกว่า และพร้อมใช้กลยุทธ์การค้นหาที่เหมาะสมมากกว่าผู้ชาย” ลุยส์ ปาชีโก-โคบอส ผู้นำการวิจัยจากเนชันแนล ออโตโนมัส ยูนิเวอร์ซิตี้ในเม็กซิโกซิตี้กล่าว

นักวิจัยเสริมว่า ผลลัพธ์นี้เป็นจริงในการเดินซื้อผักในซูเปอร์มาร์เก็ตพอๆ กับการเก็บเห็ดในป่า

“ผู้หญิงพัฒนาสัญชาติญาณบางอย่าง และใช้วิจารณญาณได้ดีกว่า ขณะที่ผู้ชายชอบเปลี่ยนภารกิจขั้นพื้นฐานที่สุดให้กลายเป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อนเกินเหตุ” เแฟรงค์ ฟิวร์ดี ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคนท์ในอังกฤษสำทับ

ผลศึกษานี้ยืนยันความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าทักษะในการค้นหาเส้นทางของผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกันมาช้านาน เนื่องจากบทบาทการเป็นผู้ล่าของผู้ชาย และผู้เก็บอาหารของผู้หญิง ซึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นในยุคไพลสโตซีน ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อกว่า 2.5 ล้านปีที่แล้วและสิ้นสุดลงเมื่อเกือบ 12,000 ปีที่ผ่านมา

แนวทางของผู้ชายมีประโยชน์ที่สุดสำหรับการล่าเหยื่อ ขณะที่แนวทางของผู้หญิงเหมาะสำหรับการเก็บอาหาร

งานวิจัยที่มีรูปแบบคล้ายกันที่ใช้อาสาสมัคร 140 คนของมหาวิทยาลัยลอนดอน แสดงให้เห็นว่าแม้ผู้ชายค้นหาของที่ซ่อนอยู่ได้ดีกว่า แต่ผู้หญิงประสบความสำเร็จมากกว่าในการทดสอบที่ต้องจำที่ตั้งของวัตถุต่างๆ

แอนนาเบลล์ บอนด์ นักปีนเขาเมืองผู้ดีที่เป็นผู้หญิงที่สามารถปีน ‘ยอดเขาทั้ง 7’ ซึ่งหมายถึงภูเขาที่สูงที่สุดในแต่ละทวีป ได้เร็วที่สุดนั้น บอกว่าผลศึกษานี้สะท้อนประสบการณ์ของนักปีนเขาชาย-หญิง

“ถ้าฉันเคยอยู่ที่ใดที่หนึ่งมาก่อน ฉันสามารถค้นหาที่นั้นได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ฉันไม่เชื่อทักษะการอ่านแผนที่ของตัวเอง เมื่ออยู่บนเขา ฉันจะไว้ใจให้ผู้ชายอ่านแผนที่มากกว่า เพราะเราถูกตั้งโปรแกรมมาต่างกัน

“นั่นคือเหตุผลที่ผู้ชายหลงทางในซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ผู้หญิงสามารถเดินรอบซูเปอร์มาร์เก็ตภายในไม่กี่นาที แน่นอนผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สนใจอยากไปที่นั่นและนั่นเป็นสาหตุที่ทำให้เขาหลงอยู่บ่อยๆ”

รายงานการศึกษานี้จะตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ เอฟโวลูชัน แอนด์ ฮิวแมน บีแฮฟวิเออร์ปลายปีนี้

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000061758

11 กุมภาพันธ์ 2553

Imagine-nation : COBRA [10/02/2010]

Credit : www.allocine.fr

"COBRA" เป็นผลงานของ "Buichi Terasawa" ถือเป็น Japanese Scifi Manga เรื่องแรกๆ ของญี่ปุ่น โดยเริ่มตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1978 ในนิตยสาร Shonen Jump เป็นเรื่องที่มีทั้งแอนดรอยด์,เอเลี่ยน และได้รับความนิยมในหลายๆ ประเทศ จนมีการนำไปสร้างเป็นอนิเมชั่นในปี 1992 ในชื่อ "Space Adventure, Cobra" รวมไปถึง "Time Drive" และ "Cobra the Animation" ในปี 2008 ที่เพิ่งผ่านมา

ด้วยคุณสมบัติของตัวเอก ที่ดูเท่ห์ (Cool), ฉลาด (Smart) แต่ก็เป็นคนใจอ่อน (Softhearted) และมีอารมณ์ขัน (humour) และการที่มีผู้หญิงห้อมล้อมมากมาย ทำให้เป็นที่นิยมของผู้อ่านในสมัยนั้น โดยผู้เขียนได้แรงบันดาลใจมาจากความชอบในการผจญภัยของผู้เขียน และความฝันในวัยเด็กที่อยากจะเป็น กะลาสี (Sailor), นักมายากล (Magician), และนักมวยปล้ำ (Wrestler) เมื่อรวมกันทั้งหมดนั่นก็คือ ตัว Cobra นั่นเอง [เป็นหลักการที่เคยได้ยินว่านักเขียนหลายท่านเขียนพระเอก โดยมีแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ตนเองอยากทำ หรือสิ่งอยากเป็น ในสมัยเด็ก นั่นเอง ในส่วนนี้รวมไปถึงนางเอกใน Manga เองบางครั้งก็มาจากผู้หญิงในอุดมคติของผู้เขียนเช่นกัน อ้างอิงจากเรื่อง Bakuman]

แนวเรื่อง จะมีการเดินเรื่องแบบเป็นผลมาจากหน้าที่ในฐานะของคนคนหนึ่งผสมกับจิตวิญญาณแบบซามูไร เนื่องจากตัวผู้เขียนเองนอกจากจะชอบแนวนิยายแบบไซไฟแล้วยังชอบหนังแนวซามูไรของญี่ปุ่นอีกด้วย และยังผลให้ ตัวศัตรูภายในเรื่อง ก็ถูกสร้างจากแนวคิดที่ให้มีอาวุธพลังทำลายล้างสูง ผสมผสานการให้ตัวละครที่เป็นมิตร หรือเพื่อนของตัวเอกมีลักษณะทางอารมณ์แบบคนญี่ปุ่น (Japanese Emotional Traits)

โลกภายในเรื่อง Cobra จะเป็นโลกที่ยากลำบากเพื่อเป็นการถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รู้สึกถึงการต่อสู้ และไม่ยอมแพ้กับปัญหาต่างๆ ของตัวเอก

นอกเหนือจากนี้ ลักษณะของภาพที่เป็นแนวคล้ายภาพถ่าย (Photorealistic) ทั้งในส่วนของตัวละครและฉากหลัง ข้อดีก็คือมันทำให้ได้งานที่มีลักษณะเหมือนจริงมาก แต่ก็มีข้อเสียในส่วนที่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากด้วยเช่นกัน ทั้งเวลาของผู้เขียนเอง และเวลาของผู้ช่วยหลายๆ คนที่จำเป็นต้องมีฝีมือทางด้านนี้โดยเฉพาะอีกด้วย จึงทำให้งานที่เขียนของท่าน ออกวางตลาดแบบไม่ค่อยต่อเนื่องนัก (Irregular Series)

สำหรับการสัมภาษณ์ ตัวผู้เขียน คุณ "Buichi Terasawa" ท่านได้บอกว่า ...
- ชอบที่จะท้าทายสิ่งใหม่ๆ สิ่งใดที่คนอื่นไม่ทำนั้น ท่านชอบที่จะลองทำดู
- สิ่งสำคัญสำหรับการเขียนงาน ก็คือ การสะสมประสบการณ์ในชีวิต
- ท่านนับถืออาจารย์ "Tezuga Osamu" เป็นครู (Master) ท่านเชื่อว่าศิษย์จะได้รับจิตวิญญาณจากครู และศิษย์จะต้องนำสิ่งนั้นไปใช้และพัฒนาก้าวหน้าต่อไป
- ท่านเป็นคนแรกๆ ที่นำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการวาดการ์ตูน โดยเคยออกเป็นทั้งเกมของค่าย Hudson Game ในปี 1989 และหนังสือเป็นภาพแบบสีดิจิตอล (Digital Manga) ในปี 1995

นักวิจารณ์เชื่อว่าอาจารย์ "Tezuga Osamu" ได้ใช้ แนวทางที่มอง Manga เหมือนเป็น Movie คือ ต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างภาพในแต่ละช่อง การดำเนินเนื้อเรื่องข้ามไปในแต่ละช่องนั้นต้องราบเรียบ โดยไม่ขึ้นอยู่กับ Text [ผมไม่แน่ใจว่า Text จะหมายถึง "คำบรรยายหรือคำพูด" หรือหมายถึง "บทหรือตัวบท" กันแน่ครับ] ซึ่งแนวคิดนี้คุณ "Buichi Terasawa" ได้เรียนรู้และนำมาใช้ได้อย่างดีในผลงานของท่าน

Creator's Interview - "Tomoyoshi Joko" มีงานอนิเมชั่นต่างๆ โดยจุดเด่นคือเป็นงานวาดด้วยมือทั้งหมด (ราว 2,000-5,000 ภาพต่อเรื่อง) และมักจะหยิบเรื่องใกล้ตัวมาทำ เช่น
- "Mr. Cloud and Mr. Rain" - เรื่องเกี่ยวกับเมฆซึ่งเห็นได้ทุกวัน
- "BUILDING" - ได้แรงบันดาลใจจากการเห็นตึกสูงๆ เมื่อยังอยู่ที่นิวยอร์ก โดยเป็นการนำเสนอความรู้สึกของตึกสูงแห่งหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเมืองเพียงตึกเดียว (รอบๆ เป็นอาคารเล็กๆ เตี้ยๆ) ว่าตึกนั้นจะรู้สึกอย่างไรกับความโดดเดี่ยวนั้น และจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร (ตัวอย่าง)
- "Lizard Planet" - เป็นเรื่องที่ได้แนวคิดมาจากโลกของเรา
ทั้งนี้งานจะเน้นการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และการใช้สีที่สดใส ส่วนสาเหตุที่เขาวาดมือทั้งหมดนั้น เขาให้เหตุผลว่าเพราะการเขียนด้วยมือทำให้เขาถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีกว่า และเขามีความสุขกับมัน

เรื่องอื่นๆ
1. Lost Planet2 - ภาคใหม่มาพร้อมกับระบบการเล่นแบบ Online และอาวุธใหม่ๆ
2. The Disappearance of Haruhi Suzumiya - อนิเมชั่นภาคใหม่ของ Suzumiya Haruhi

[ต้องขออภัยที่ไม่ได้เขียนนาน เนื่องจากการเขียนบทความเช่นนี้ค่อนข้างใช้เวลามากครับ เนื่องจากมุ่งหวังที่จะถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากรายการให้มีถูกต้องที่สุดเท่าที่ทำได้ (แต่ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้) จึงต้องดูรายการ 2-3 รอบเพื่อจดบันทึกและฟังข้อมูล (รอบละ 30 นาที) และพิมพ์รวมถึงการจัดวางคำพูดให้เหมาะสม สุดท้ายนี้จึงหวังว่าสิ่งที่เขียนนั้นจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยครับ]